รีวิว 4Kings หนังอาชีวะยุค90 หนังไทยที่ทำมาอย่างดี

เรื่องย่อ 4kings อาชีวะ มีอะไรบ้าง

จากเหตุการณ์จริงของความขัดแย้งระหว่างนักเรียนช่างกล 4 คน ภาพยนตร์ถ่ายทอดบทเรียนชีวิตที่พบเจอ ความคึกคะนองเมื่อครั้งยังเยาว์ที่เป็นทั้งศัตรูและมิตร

ผู้กำกับพุฒิพงศ์ นาคทอง บัณฑิตวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม ออกเดินทางตามความฝันสู่คนทำหนัง อีกหนึ่งผลงานภาพยนตร์ที่เดินทางไกล ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ไต่เต้าตั้งแต่เด็กมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ เล่าเรื่องราวที่ได้ยินตอนเป็นนักเรียน เขียนบท และหาทุน หลายปีที่ผ่านมา ฉันเกือบคิดว่าโครงการจะล้มเหลว แต่สุดท้ายก็ได้มาทำหนังสารคดีกับ Invention Film Camp ค่ายหนังไทยน้องใหม่ที่ดูน่าสนใจมาก

และอาจด้วยการต่อสู้เพื่อผลักดันความฝันนั้นมาเนิ่นนาน ดูเหมือนเรื่องราวที่เขาอยากจะเล่าจะสุกงอมเสียที ประหยัดเนื้อ ถนอมแรง แล้วมาทำหนังเรื่องนี้ ถ้าถามว่าอารมณ์เหมือนหนังเรื่องไหนก็ 2499 เวอร์ชั่นขรึม คมคายขึ้นตามความเป็นจริงแห่งกาลสมัย

หนังยังอิงถึงหนังเรื่อง ‘โลกทั้งใบให้นายคนเดียว’ หนังที่มีเด็กช่างเป็นพระเอกหนังในช่วงเรื่องแรก ๆ ของประเทศไทยด้วย

ประเด็นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการให้ไซบอร์กตัวจริงเข้ามามีส่วนร่วมในไซบอร์กยุค 90 จนได้เนื้อหาที่สมจริงเพื่อบอกเล่าเรื่องราว ทุกรายละเอียดในภาพยนตร์เป็นการผสมผสานระหว่างชีวิตและบทเรียนของผู้คนมากมายที่มารวมกันเพื่อสร้างตัวละครแต่ละตัว มันยังเป็นตัวแทนของคนจริงๆ ซึ่งหลายคนยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน แต่ผู้กำกับฉลาดพอที่จะสร้างมันขึ้นมาเพื่อไม่ให้กระทบกับคนดูจริงๆ ที่กล่าวว่าในด้านบวก มันมีความสนใจในเด็ก ดราม่า และชีวิตอันเลวร้ายของตัวละครอื่นๆ อีกมากมาย

สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือการคัดเลือกนักแสดงนั้นค่อนข้างดี นานมากแล้ว ที่ฉันไม่เห็นทีมงานที่สามารถเลือกการคัดเลือกนักแสดงในเรื่องได้ ตัวละครในเรื่องมีค่อนข้างน้อย ทีมสร้างจึงเลือกโฟกัสไปที่ ใจไทย ทศมิตร หรือ บิลลี่ อินทนนท์ ตัวละครของ อิชณากร พึ่งเกียรติรัศมี เช่นเดียวกับเพื่อนที่แสนดีสองคนที่นำพาผู้ชมไปสู่โลกของเขา ดา อินทนนท์ รับบทโดย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มเพื่อน และอีกคนคือ รูพาย อินทร รับบทโดย ภูมิ ภูมิรังษี ธนานนท์ ตัวแสบในกลุ่มโรงเรียนอินทรอาชีวะ

ภาพยนตร์ 4KINGS อาชีวะ  เรื่องนี้ถือเป็นการเปิดตัวและชิมลางค่ายหนังน้องใหม่เพื่อเสริมทัพและประดับวงการภาพยนตร์อีกค่ายหนึ่ง นั่นคือ ค่ายสร้างภาพยนตร์ ถือได้ว่าเป็นค่ายที่กล้าได้กล้าเสียและเป็นค่ายที่น่าจับตามอง เพราะ “4Kingsอาชีวะยุค90พากย์ไทย” กลายเป็นหนังไทยที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมได้มากมายด้วยองค์ประกอบที่ลงตัวและกลมกล่อมในระดับที่ใช้ได้ ถือว่าเป็นหนังไทยที่ถ่ายทอดความอร่อยได้อย่างพอเหมาะพอดี

เราอาจไม่เคยได้ยินชื่อ “พุทธิพงษ์ นาคทอง” ซึ่งรับหน้าที่ผู้กำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ แต่งานนี้ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่ประดับประดาอาชีพของเขา ใส่ใจในรายละเอียดดี การเล่าเรื่องน่าจะใช้สูตรสำเร็จช่วยได้เยอะ แต่ดูลงตัวกับตัวหนัง ไม่รู้สึกว่ายัดเยียดดราม่าเข้มข้น ฉากชุลมุน ซึ่งไม่มาก ไม่เพียงพอในมาตรฐาน

องค์ประกอบของอาชีพ 4Kings90 อาจไม่สมบูรณ์แบบ เพราะระหว่างทางยังมีช่องว่างและช่องโหว่อยู่ แต่เนื้อหาที่ตึงเครียดของภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถช่วยปิดแทร็กได้ เป็นเรื่องดีที่ผู้ชมจะไม่ใส่ใจในจุดใดจุดหนึ่งโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของภาพยนตร์ ถือว่าสอบผ่านและทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงเรื่องหรือการสร้างมิติให้กับตัวละคร

รวมถึงการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เก็บทุกรายละเอียดของยุค 90s ที่ทีมงานและผู้สร้างสามารถเห็นได้ในรายละเอียดงานทั้งรูปแบบชื่อและวัตถุที่ต้องชมเชยครับ หนังดีจริงๆ น่าเสียดายที่มันยาวไปหน่อยในครึ่งหลังของหนัง ผมเชื่อว่าถ้าใส่ให้สั้นลง ปรุงให้รัดกุมกว่านี้อีกนิด และลดเหลืออีก 10 นาที การใส่มากเกินความจำเป็นคงจะดีกว่านี้

แน่นอนว่า หนัง4kings ไฮไลท์สำคัญของทีมนักแสดงต้องได้รับคำชมและยินดีรับบทบาทที่มีการแข่งขันสูงในการคัดเลือกนักแสดงฉากนี้ ทีมนักแสดงชาย 4Kings ถือว่าเป็นทีมที่ดีที่มีครบ พวกเขายังสามารถขับเคลื่อนและสร้างมิติของตัวละครที่กำหนดได้อีกด้วย ยังเป็นโอกาสดีที่หนังเรื่องนี้มีนักแสดงที่เล่นได้แทบทุกบทบาท

“เป้ อารักษ์” คนเดียวอาจแบกหนังเรื่องนี้ไว้ไม่อยู่ แม้ว่าผลงานของเขาจะไม่เลวเลยก็ตาม กลับได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อนนักแสดงตัวประกอบอย่าง “ภูมิ รังษีธนานนท์” หรือ “อิชณากร พึ่งเกียรติรัศมี” (ใจไทย ทศมิตร) โดยเฉพาะเรื่องหลังนี้ถือเป็นการแสดงที่มีศักยภาพเกินความคาดหมาย

แถมยังมีหนังของ “โจ๊ก-อคลิน อรชุลนิธิเมธรัตน์” ก็ไม่ต้องพูดมากเพราะเป็นนักแสดงที่เล่นบทแบบนี้ได้ดีตามมาตรฐานแล้วยังเล่นดีมากโดยเฉพาะอารมณ์ ฉากการแสดงดีจนคนดูขนลุก แต่คนที่โดดเด่นที่สุดต้องยกให้ “ณัฐ กิจจาฤทธิ์” ที่ฝีมือการแสดงเยี่ยม มีเขาทุกฉาก ระบายอารมณ์ได้ดีมาก

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เราพูดตรงๆ ว่า 4Kingsอาชีวะ ยุค 90 คือหนึ่งในหนังไทยที่ดีที่สุดแห่งปี อีกทั้งยังเชื่อว่าภาพยนตร์น่าจะมีบทบาทสำคัญในเวทีประกาศรางวัลของสถาบันต่างๆ ต้นปีหน้าเพราะอย่างน้อยนักแสดงของหนังเรื่องนี้ก็เข้าขากันพอดี ถ้าไม่ระวัง ที่นั่งพระเอกกับตัวประกอบอาจเต็ม

จริงๆ แล้วชื่อ 4kingsอาชีวะ นักแสดง ในเรื่อง ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่ามี 4 องค์กรที่เป็นคู่แข่งกัน แต่เรื่องราวจะเล่าผ่านสายตาของฝ่ายอินทรวาชิ โดยหลักในการไล่ต่อยคู่ต่อสู้ตัวฉกาจ เช่น เทคโนโลยีประชาชื่น (ชื่อเพี้ยนๆ จากของจริงคือเทคโนโลยีประชาชื่น) ตัวหลักได้แก่ หัวหน้าทีม มด ชล รับบทโดย โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัตน์ และมือขวา รับบทโดย ณัฐ ณัฐกิจจาฤทธิ์ โอ๋ชล

และจะมีอีกสองหน่วยงานที่แย่อย่าง กนก อาชีวะ และ ช่างคอน บูรณผล ที่เข้ามาแทรกเป็นระยะผ่านวาทยกรอย่าง บางกนก รับบทโดย แหลม สมพร รุ่งพาณิชย์ หรือ แหลม 25Hours และ เอกบู รับบทโดย ทู ศิรัฏฐ์ อินทรโชติ หนังค่อยๆ พากลุ่มอินทราไปทำความรู้จักกับกลุ่มอื่นๆ ผ่านตัวละคร บิลลี่ มีเหตุผลที่จะต้องเผชิญหน้ากันกับโอ๋ ชล และเอกบู่ในบางช่วงเวลา

วางตัวละครขี้โมโหไว้ในความโกลาหลอลเวง ไม่เฉลียวฉลาดเท่ากลุ่มเด็กชาวบ้านที่รู้จักกันในชื่อ Village Children นำโดยยธ เด็กบ้านนอกของบิ๊กอุกฤษฎ์ วิลลี่ ดอน กาเบรียล หรือ ดี เจอร์ราร์ด และเมื่อหนังแนะนำตัวละครสำคัญทั้งหมด นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครบางตัวซึ่งเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่รอดในโลกได้ บางคนเป็นศัตรูที่ยอมรับความเคารพของอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อนบางคนมีการแบ่งขั้วและพวกเขาต้องเลือกระหว่างเพื่อนสถาบันกับเพื่อนที่มีอำนาจเสมอ สิ่งนี้ทำให้เนื้อหามีมิติที่ซับซ้อนเพียงพอที่จะสร้างสถานการณ์ที่โน้มน้าวใจตัวละครหลายตัว

สิ่งที่ฉันชอบ 4kingsอาชีวะเต็มเรื่อง อีกอย่างคือการสร้างบทสนทนา มีบทสนทนาที่ดีจริงๆ ระหว่างความขัดแย้งของตัวละครที่สะเทือนใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ระหว่างศัตรูเท่านั้น แต่ระหว่างลูกกับพ่อแม่ เพื่อนกับเพื่อน ครูกับนักเรียน แฟนกับคนรัก แม้เรื่องราวจะเชยเหมือนที่เราเห็นในหนังสะท้อนสังคมแทบทุกเรื่องแต่บทสนทนาในเรื่องกลับสร้างเอกลักษณ์และน่าจดจำ

เหนือสิ่งอื่นใด มันไม่ใช่แค่การโต้เถียงเท่านั้น แต่ก็เต็มไปด้วยแง่ดีเช่นกัน เขาเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกมามากพอแล้ว ที่สำคัญ มันไม่ได้ตัดสินตัวละครจากค่านิยมทางสังคม ผู้ใหญ่ไม่ได้ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอไป เด็กอาจมีเหตุผลที่ดีกว่าในความคิดของเขา ในยุคของเหตุและผลเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากในฐานะภาพยนตร์เพื่อสังคม

สำหรับสิ่งที่ดีทั้งหมดภาพยนตร์เรื่องนี้มีข้อบกพร่อง ที่กล่าวว่า มันไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้ชมที่ต้องการเห็นการกระทำที่เข้มข้นและเป็นลูกผู้ชายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีให้ หนังตัดฉากความรุนแรงอย่างฉากต่อสู้ข้ามมิติออกไปได้ค่อนข้างมาก และคอนเสิร์ต Shock Charge Shock ครั้งใหญ่ระดับตำนานที่หลายคนรอคอยก็แทบจะไม่คุ้มค่ากับการรอคอย บวกกับความยาวหนัง 2.5 ชั่วโมง ทำให้มีเรื่องราวให้เล่ามากมาย ใครที่คาดหวัง หนังแอคชั่น คงจะผิดหวังมาก แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่ามันใจร้ายไปหน่อยสำหรับใครก็ตามที่เห็นปมด้อยแบบนี้แล้วตัดสินหนังทั้งเรื่อง ดังที่ตัวละครในหนังว่าไว้ “ดูทางนี้ ใครทำมันเลวเกินไป”

สิ่งนี้สำคัญมาก ใครที่จะตัดสินใจดูต้องเข้าใจก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังแอคชั่นอันธพาลแบบหนังเด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่วัยรุ่นชอบ แต่นี่เป็นหนังดราม่าที่เข้มข้นมาก และภาพความรุนแรงก็ไม่สำคัญเลย เนื่องจากความรุนแรงต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้ชมนั้นรุนแรงกว่ามาก แม้ว่าคุณจะเป็นผู้ชาย คุณก็ต้องมีฉากในภาพยนตร์ที่ทำให้คุณต้องเสียน้ำตา นี่เป็นหนังอีกเรื่องที่คุณจะอยากบอกคนดูว่ามันดีจริงๆ