รีวิว Red riding hood

รีวิว Red riding hood

รีวิว Red riding hood

รีวิว Red riding hood

ดูหนังเถื่อน หนังเล่าถึง วาเลอรี่ (Amanda Seyfried) เธอมีปัญหาเรื่องความรัก ซึ่งเธอกำลังรักกับปีเตอร์(Shiloh Fernandez) แต่พ่อแม่ของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับเฮนรี่(Max Irons) ซึ่งมีฐานะร่ำรวยทำให้ทั้งเธอและปีเตอร์ถูกบังคับให้ต้องเลิกกัน ทั้งสองกำลังวางแผนหนีโดยรู้ว่าพี่สาวของวาเลอรี่ถูกมนุษย์หมาป่าฆ่าตาย ผู้คนได้ปกปิดความลับเกี่ยวกับหมาป่าไว้ เพราะว่าเจ้าหมาป่าเลือกที่จะกินสัตว์เท่านั้น แต่ยิ่งกินก็ยิ่งโลภ ทำให้มันหันมาคร่าชีวิตมนุษย์ ความหวาดระแวงเกิดขึ้นกับว่าเลอรี่เพราะเธอไม่แน่ใจว่าคนรอบตัวของเธอใครกันแน่ที่เป็นหมาป่า รีวิว Red riding hood รีวิวหนังสนุก ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

ในช่วงแรกของภาพยนตร์หนังถ่ายทอดออกมาให้ดูสดใสขายความเป็นเทพนิยายด้วยภาพและอารมณ์มันชวนให้คิดแบบนั้นจริง ๆ และหลังจากนั้นเมื่อหนังเปิดตัวมนุษย์หมาป่าหนังก็เปลี่ยนโทนจากความสดใสเป็นความสยองขวัญที่ซ่อนปมปริศนาทันที แต่ก็จะมีฉากโรแมนติกหยอดมาบ้างนะ หนังค่อนข้างได้ประโยชน์จากธีมของเรื่องซึ่งมีบรรยากาศเหมือนป่าที่อยู่กลางหิมะ จริง ๆ แล้วหนังน่าจะเพิ่มเติมความหลอนและความดำมืดลงไปหนังให้ได้มากกว่านี้อีกนะครับ

แต่กลับทำให้หนังไม่มีความดิบเถื่อนสมกับการคาดหวังเช่นฉากโหด ๆ หรือฉากชวนแหวะ กลับไม่เต็มที่อย่างที่คาดไว้อาจจะเป็นเพราะว่าหนังต้องการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเดิม เพราะถ้าหนังสร้างภาพที่รุนแรงอาจจะติดเรทไปที่เรทR เพราะงั้นอาจจะทำให้เด็กที่รู้จักตำนานของหนูน้อยหมวกแดง ไม่สามารถเข้ามาชมภาพยนตร์เลยก็ได้

หนังมีไอเดียในการเล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคนดูและหนังจะไม่เฉลยให้คนดูรู้ว่าใครคือหมาป่าตั้งแต่ตอนเรื่อง แต่การเดินเรื่องจะค่อย ๆ หยอดปมและหลอกล่อให้คนดูคิดว่าคนนั้นเป็นหรือคนนี้เป็น ดังนั้นมันจะเป็นใครก็ได้ที่มีโอกาสเป็นหมาป่า ซึ่งก็เป็นปกติที่คนดูจะต้องเดาไปเรื่อย ๆ

รีวิว Red riding hood

แล้วเมื่อหนังเฉลยออกมา บางคนก็อาจจะอึ้งบางคนก็อาจจะเฉย ๆ อาจจะเดาหรือว่ารู้อยู่แล้ว ถือว่าทำได้ดีในเรื่องของการหลอกล่อคนดู แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลยนะครับ คือหนังปูเรื่องมาค่อนข้างดีแต่การเฉลยว่าใครเป็นหมาป่า กลับเฉลยในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเพราะการเฉลยควรที่จะกดดันอารมณ์ของคนดูให้อยากรู้จนถึงที่สุดก่อน เหมือนจังหวะในการเฉลยมันยังไม่ลงล็อค

ส่วนตัวชอบงานโปรดักชั่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ มีการถ่ายทำในหมู่บ้านที่อยู่กลางป่าท่ามกลางหิมะ ดูย้อนยุคนิด ๆ ได้กลิ่นอายในช่วงยุโรปกลางและงาน CG ก็ทำได้ไม่เลวทางเอฟเฟคต์หมาป่าและการไล่ล่าทำได้ดูสมจริงครับ ส่วนซาวด์ประกอบก็ใส่มาได้ตรงจังหวะค่อนข้างพอดี บางช่วงก็หลอน บางช่วงก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้น เรื่องซาวด์และเอฟเฟคต์ถือว่าใช้ได้ สอบผ่านครับ

คะแนนเนื้อเรื่อง 7/10 เป็นหนังที่ทำออกมาได้ดูดีและสนุกในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้รู้สึกจดจำได้ประทับใจถ้าเทียบอย่างภาพยนตร์อย่าง Twilight ที่เป็นผลงานกำกับของผู้กำกับคนเดียวกัน ก็คงต้องบอกว่าชอบหนังเรื่องนี้มากกว่า อย่างน้อยก็ยังมี Actionให้ได้ดูกันบ้างครับ

Red Riding Hood สาวหมวกแดง ที่ได้ผู้กำกับจาก Twilite มาถ่ายทอดเรื่องราวในตำนานที่แปลกตาไป นำแสดงโดยนักแสดงสาว “อแมนด้า ไซเฟร็ด” ที่เคยเป็นที่ฮือฮากันมาแล้วจาก Chloe ที่เล่นประกบคู่กับ จูลี่ แอนน์มัวร์ กับบทเลิฟซีนสุดร้อนที่เป็นกระแสเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นปีทองของเธอก็ว่าได้เพราะเธอมีภาพยนตร์รักโรแมนติกอีก 2 เรื่องมาให้เราได้ชมกัน ทั้ง Dear John และ Letters to Juliet ซึ่งก็พอทำให้เราได้เห็นความสามารถทางการแสดงของเธอได้ในระดับนึง

และสำหรับเรื่อง Red Riding Hood นี้ คงไม่มีสิ่งใดที่น่าจับตาเท่านักแสดงที่กล่าวมา ความน่าสนใจของเรื่อง สาวหมวกแดง นี้จุดเด่นคงเป็นพล็อตเรื่องที่ปรุงแต่งให้แตกต่างไปจากต้นฉบับที่เป็นนิยายที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยได้ยิน ได้อ่าน มาตั้งแต่เด็ก และกลายเป็นจุดดึงดูดให้คนดูอยากรู้ว่าเรื่องราวจะแปลกแตกต่างจากต้นฉบับเดิมอย่างไร

รีวิว Red riding hood

ในภาพยนตร์เรื่อง Red Riding Hood ไซเฟร็ด รับบทแสดงเป็น วาเลรี่ หญิงสาวที่โตมาพร้อมกันกับ ปีเตอร์ (ชิโลห์ เฟอร์นันเดซ) จนก่อเกิดความความรักเมื่อเป็นหนุ่มสาว แต่ทว่าครอบครัวของเธออยากให้ วาเลรี่ ลงเอยกับ เฮนรี่ (แมกซ์ ไอรอนส์) ที่มีฐานะมั่นคงกว่า เอาล่ะสิงานเข้าสาว วาเลรี่ ของเราซะแล้ว แต่สาวเจ้าก็ไม่ไขว้เขว รักแล้วรักเลย ใครว่าผู้หญิงสองใจ เธอเลยวางแผนว่าจะหนีไปพร้อมกับหนุ่มปีเตอร์ แต่ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มนุษย์หมาป่า เริ่มออกอาละวาดอีกครั้งหลังจากห่างหายมานานหลายปี พี่สาวของวาเลรี่ถูกฆ่า ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้น ผู้ชายในหมู่บ้านจึงวางแผนที่จะตามล่าเจ้ามนุษย์หมาป่าที่ให้จงได้ เพื่อความสงบสุขของคนในหมู่บ้านแห่งนี้

นอกจากวางแผนตามล่ากันเองแล้ว บาทหลวงในหมู่บ้านยังได้เชิญ คุณพ่อโซโลมอน (แกรี่ โอลด์แมน) มาช่วยล่ามนุษย์หมาป่าอีกด้วย ซึ่งการมาถึงของโซโลมอนทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต่างหวาดระแวงกันและกัน เพราะเขาเตือนว่า มนุษย์หมาป่าที่คร่าชีวิตผู้คน แอบแฝงเป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้นั่นเอง พร้อมกับให้ระมัดระวังตัวอย่าให้ถูกกัด เพราะเมื่อโดนกัดเมื่อไหร่ คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นมนุษย์หมาป่าไปในทันที

ในส่วนของการนำเสนอเรื่องราวเป็นไปอย่างเนิบช้า อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นเรื่องคือ ขับเน้นในเรื่องการแสดงของ ไซเฟร็ด อย่างข้นเข้ม แต่ทว่าการแสดงที่ดูตั้งใจแสดงในบางครั้งมันก็ทำให้ดูหลอกตาไปอย่างน่าประหลาด แต่ก็ไม่ได้ดูขัดตามากมายนัก เพราะคงต้องบอกว่านอกจากการแสดงของเธอแล้ว มุมภาพ การถ่ายภาพ ดูสวย ประหนึ่งฉากโรแมนซ์ใน แวมไพร์ ทไวไลท์ แต่ในส่วนของเรื่องราวคงต้องบอกว่าจืดสนิทตามโทนสีของภาพ ถึงแม้ว่าในบางคราวผู้กำกับได้แทรกความตลกไว้บ้าง โดยนำเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงขึ้นมากล่าวอ้างถึง แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับการเอาใจช่วยให้ตัวละคร วาเลรี่ พบผลลัพธ์ที่ต้องการ และก็ไม่ได้มีสิ่งใดที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องราวหนูน้อยหมวกแดงเลย นอกจากฮูดสีแดงที่ วาเลรี่ สวมใส่

มีการติดเงื่อนปมไว้ในส่วนที่อยากให้คนดูมีส่วนร่วมในการค้นหาคำตอบว่า ใครคือมนุษย์หมาป่าตนนั้น โดยแทรกเรื่องราวของศาลเตี้ยให้คนดูเห็นด้วย ประหนึ่งอยู่ในยุคสมัยของการล่าแม่มด ที่สงสัยใครก็ตัดสินใจคนคนนั้นเป็นคนผิด หรือเป็นแม่มดไปเสีย ซึ่งในเรื่องตัว วาเลรี่ เองก็ถูกสงสัยเช่นกันว่าเธอเป็นแม่มด และกลายเป็นเหยื่อเพื่อล่อหลอกให้มนุษย์หมาป่ามาติดกับ นอกจากนี้ยังนำเสนอในส่วนของการไว้วางใจคนใกล้ตัวว่าไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหน การเอาตัวรอด หรือเพื่อให้คนที่รักรอด การหักหลังเพื่อนรักหรือเพื่อนสนิทก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน

เป็นการเอานิทานหนูน้อยหมวกแดงมาเสริมเติมรายละเอียดใหม่ครับ จากหนูน้อยหมวกแดงที่เดินไปหาคุณยายที่บ้าน แล้วเจอหมาป่าซุ้มจับรับประทานอยู่ ก็ถูกขยายเรื่องให้ใหญ่ขึ้นครับ เสริมความซับซ้อนลงไปหน่อย

โดยหนังเล่าถึงหมู่บ้านแด็กเกอร์ฮอร์น ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาโอบล้อมด้วยสายหมอก ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้โดนรุกรานโดยมนุษย์หมาป่าที่โหดเหี้ยม ล่าสุดพี่สาวของวาเลอรี่ (Amanda Seyfried) ก็ถูกพรากชีวิตไป ทำให้ชาวบ้านทนไม่ไหวต้องหาทางจัดการกับมัน ในที่สุดคนหนุ่มก็รวมตัวกันออกไปไล่ล่าจนสังหารหมาป่าได้ตัวหนึ่ง ชาวบ้านก็คิดว่าพ้นภัยแล้ว แต่ที่ไหนได้นั่นเป็นแค่จุดเริ่มครับ เพราะมนุษย์หมาป่าของจริงกำลังจะมาล้างสร้างความสยองให้กับหมู่บ้านแห่งนี้

กระแสของหนังไม่ค่อยดีเท่าไร แต่พอดูแล้วก็รู้สึกว่าหนังดูได้เพลินๆ นะครับ อาจไม่ใช่หนังยอดเยี่ยมหรือสนุกมากขนาดห้ามพลาด แต่มันก็ดูได้เรื่อยๆ ให้ความบันเทิงได้พอประมาณในฐานะหนังแฟนตาซีผสมอารมณ์ลึกลับสยองขวัญ บวกโรแมนติกชวนฝันเข้าไปอีกหน่อย

สิ่งที่จับใจผมเป็นพิเศษคือฉากและภาพครับ ถ่ายทำออกมาได้ดูสวย ให้อารมณ์แฟนตาซี สวยงาม และลึกลับ (บางฉากก็ชวนนึกไปถึงป่าสายหมอกใน Twilight) หรือการออกแบบโทนของฉากให้เป็นสีขาวๆ เทาๆ ดำๆ นั่นก็ทำให้พอฉากไหนวาเลอรี่ต้องสวมชุดสีแดง มันจะดูเด่นขึ้นมาทีเดียวครับ ยอมรับจริงๆ ว่าหนังภาพสวยใช้ได้ จุดต่อมาคือดาราที่แม้จะไม่ได้ฝากการแสดงระดับสุดยอด แต่ก็ทำให้หนังน่าติดตามในระดับหนึ่ง

ไม่ว่าจะ Seyfried ที่ดูน่ารัก เข้มแข็ง และเย้ายวนสมกับบทนำ ส่วน Gary Oldman ก็สบายบรื๋อกับบทบาทหลวงโซโลมอน นักล่ามนุษย์หมาป่าที่ดูๆ ไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเขากับพวกหมาป่าใครจะน่ากลัวกว่ากัน และที่ลืมไม่ได้คือ Julie Christie ในบทคุณยายของวาเลอรี่ แววตาท่าทางและการแสดงออกของเธอนั้นสมเป็นดาราลายครามจริงๆ อีกรายก็ Billy Burke ที่ตามมาแสดงในบทพ่อของวาเลอรี่ (เหมือนตามมาจากบทพ่อของเบลล่ายังไงก็ไม่รู้)

Catherine Hardwicke กำกับหนังเรื่องนี้หลังจากดังไปพอประมาณจาก Twilight ภาคแรก ซึ่งโดยรวมๆ แล้วหนังก็ไม่เลวครับ ดูสนุกกว่าที่คาด (ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่ได้คาดหวังอะไร) แม้อะไรๆ อาจไม่เกินการคาดเดาก็ตาม

ส่วนของจุดด้อย ถ้าหากถกกันอย่างจริงจังหนังสยองขวัญ Red Riding Hood สาวหมวกแดง ดูเหมือนจะยังไม่ได้เข้าขั้นของหนังสยองขวัญ แต่ที่จริงแล้วควรอยู่ในกลุ่มของหนังลึกลับ + ระทึกขวัญเสียมากกว่า เพราะองค์ประกอบโดยรวมมันไม่ใช่เรื่องของความน่าขนลุก กลับเป็นเรื่องของความลึกลับที่ขยี้ปมความสงสัยของเหล่าตัวละครอย่างมาก

การดำเนินเรื่องราวของหนังสยองขวัญ Red Riding Hood สาวหมวกแดงค่อนข้าง “เฉื่อย” โครงเรื่องเองก็ไม่ค่อยปะติดปะต่อกันอย่างกลมกล่อมอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากเนื้อหาที่ค่อนข้างยาวมากจนเกินไป บทสนทนาเองก็ความหยาบอยู่มากทำให้เกิดปัญหาเรื่องของความซ้ำซากจำเจเกิดขึ้นหลายครั้ง และ CGI ถือว่าไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะการปรากฏตัวของมนุษย์หมาป่าที่ดูรีบร้อนจนเกินไป

ถึงแม้ว่าหนังสยองขวัญ Red Riding Hood สาวหมวกแดงจะไม่ได้เป็นหนังมนุษย์หมาป่าที่ดีที่สุด แต่โดยรวมแล้วก็ต้องยอมรับว่าการสร้างบรรยากาศและเปิดจินตนาการของหนังเรื่องนี้สำหรับผู้ชมก็ทำออกมาได้ในระดับที่มีความน่าสนใจไม่เบาเลยทีเดียว

สำหรับผู้เขียน โดยรวมแล้วมองว่าหนังสยองขวัญ Red Riding Hood สาวหมวกแดง ถือว่าเป็นหนังที่อยู่ในระดับมาตรฐาน กลาง ๆ ไม่ได้ถือว่ายอดเยี่ยม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ถือว่าน่าเบื่อ ทำให้เหมาะสำหรับการเก็บเอาไว้รับชมในตอนว่าง ๆ แก้เบื่อได้เช่นกัน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *