รีวิว Crimson peak

รีวิว Crimson peak

รีวิว Crimson peak

รีวิว Crimson peak

“ความรัก”… เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้โลกนี้สวยงาม โดยกับสาววัยแรกแย้มที่ไม่ประสีประสากับความรัก ที่มองว่าความอบอุ่นหัวใจเอาชนะได้ทุกสิ่ง แต่.. หลายครั้ง ความรักก็มาพร้อมกับคราบน้ำตาและหยดเลือด + ความสยดสยองอย่างไม่น่าเชื่อกันเลยทีเดียว ถ้าหากใครกำลังมองหาหนังสยองขวัญที่มีองค์ประกอบเหล่านี้อย่างครบถ้วน เชื่อว่าหนังสยองขวัญ Crimson Peak ปราสาทสีเลือด เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะช่วยเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นในประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดีแน่นอน… รีวิว Crimson peak รีวิวหนังสนุก ดูหนังออนไลน์ ดูหนังเถื่อน ดูหนังฟรี

หนังสยองขวัญ Crimson Peak ปราสาทสีเลือด เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุควิกตอเรีย เมื่อหญิงสาว Edith Cushing ได้ตกหลุมรัก Thomas Sharpe ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้เต็มไปด้วยความลึกลับ ก่อนที่จะปลงใจแต่งงานกับเขากระทั่งย้ายเข้าไปอยู่กับเขาในคฤหาสน์ที่อยู่ห่างไกลจากทุกสิ่งที่เธอเคยรู้จักในชีวิต ก่อนที่เธอจะค้นพบความจริงอันน่าตกใจว่า ความรักอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ที่จริงแล้วมันอาจไหลนอกสีแดงฉานราวกับเลือกเลยด้วยซ้ำ

จุดเด่นของหนังสยองขวัญ Crimson Peak ปราสาทสีเลือด อันดับแรกต้องขอบอกเลยว่าการออกแบบฉาก เสื้อผ้าและแสงสีของหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สวยงาม แถมยังเก็บรายละเอียดได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ความสยองขวัญที่ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ ยังเป็นการค่อยๆหยอดมันลงไปทีละนิด โดยไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยการ Jump Scare เหมือนกับหนังผีทั่วไป

สิ่งน่าเศร้าที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากหนังสยองขวัญ Crimson Peak ปราสาทสีเลือด คือ การดำเนินเรื่องราวโดยเฉพาะในตอนต้นที่ค่อนข้างช้า เหมือนกับให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องที่มากจนเกินไป จนทำให้ตัวละครบางตัวพัฒนาตัวเองช้าจนเกินไป พอเอามารวมกันแล้วเลยทำให้ในช่วงแรกค่อนข้างที่จะน่าเบื่อเอาการ ดังนั้น ถ้าหากใครเป็นคนที่ความอดทนต่ำสักหน่อย ขอแนะนำว่าให้พยายามอดทนสักนิด เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ หนังสยองขวัญ Crimson Peak ปราสาทสีเลือดก็จะสนุกขึ้นอย่างแน่นอน แต่.. อย่างไรก็ตาม การเรียงลำดับเหตุการณ์บางอย่างของหนังเรื่องนี้ก็อาจดูแปลกไปสักหน่อย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขัดตามากจนเกินไปนัก

รีวิว Crimson peak

หนังสยองขวัญ Crimson Peak ปราสาทสีเลือด เป็นหนังที่เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยปริศนามากมาย แถมมารเขียนเรื่องราวเอง ในช่วงต้นและช่วงท้ายของเรื่องราวเองก็แทบที่จะเรียกได้ว่าเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว ในส่วนตัว ผู้เขียนมองว่าหนังเรื่องนี้มีการวางแผนเอาไว้ได้อย่างลงตัวและยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก จนทำให้ในขณะที่กำลังรับชม ราวกับถูกดึงดูดให้หลงใหลไปกับโลกของเทพนิยายที่สวยงาม ในขณะเดียวกันก็ซ่อนความสยองขวัญเขย่าประสาทเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนน่าติดตาม ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังลังเลใจอยู่ล่ะก็ ขอแนะนำเลยว่าหนังสยองขวัญ Crimson Peak ปราสาทสีเลือด จะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปในการรับชมกันอย่างแน่นอน

Edith Cushing (Mia Wasikowska จาก Alice in Wonderland) เป็นคนมีเซนส์ เห็นภูติผีวิญญาณมาตั้งแต่วันที่แม่ของเธอตายจากไป เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ Carter Cushing (Jim Beaver) มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจก่อสร้างของอเมริกา และยังมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียน

วันหนึ่ง Edith ได้พบกับผู้ดีเก่าตกยาก Thomas Sharpe (Tom Hiddleston จาก Thor, The Avengers) ผู้ซึ่งเดินทางไกลมาจากอังกฤษเพื่อมาขอทุนจากพ่อของเธอไปพัฒนาเหมืองของเขาและรักษาปราสาทอันเป็นมรดกตกทอดของเขาเอาไว้ ทั้งสองตกหลุมรักกัน ทั้งที่พ่อของเธอไม่เห็นด้วย และ Dr. Alan McMichael (Charlie Hunnam จาก Pacific Rim) หมอหนุ่มที่แอบรัก Edith มาแต่เด็กก็ต้องอกหัก

Edith กับ Thomas แต่งงานกัน และย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ปราสาทอันเก่าแก่ทรุดโทรมของ Thomas ที่ประเทศอังกฤษ ที่นั่นมีแค่ Thomas อาศัยอบู่กับ Lucille Sharpe ผู้เป็นพี่สาว (Jessica Chastain จาก The Help, Zero Dark Thirty, Interstellar, The Martian) เพียงสองคนเท่านั้น แต่ Edith กลับรู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ Thomas กับ Lucille หากแต่ยังมีวิญญาณอาศัยอยู่ด้วย!

เราโอเคที่นางเอกบอกตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่า นี่ไม่ใช่หนังผี หากแต่เป็นเรื่องราวที่มีผีเป็นส่วนประกอบ และเธอก็ชอบใช้ “ผี” เป็นอุปมาอุปไมย (metaphor) แทนถึง “อดีต” ในงานเขียนของเธอ แต่ก็ไม่เห็นว่าหนังจะเอาจุดนั้นมาขยี้สักเท่าไหร่

ถึงแม้จะไม่ใช่หนังผี แต่หนังก็ยังคงพยายามที่จะเป็นหนังทริลเลอร์อยู่ โดยการสร้างบรรยากาศให้น่ากลัว และใส่ผีเข้ามา “หลอก” คนดูอยู่เป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่ใช่หนังผี เวลาผีออกมา จึงมักค่อนไปทางตลก (หรือบางทีฉันก็กลัวทรงผมนางเอกตอนนอนมากกว่ากลัวผีตอนกลางคืนเสียอีก)

รีวิว Crimson peak

เช่น ปราสาทมันสกปรกใช่มั้ย ชุดโกธิคมันก็ระย้งระย้ายาวกรุยกรายใช่มั้ย ทีนี้เวลานางเอกของเราใส่ชุดนอนกรุยกรายนั้นวิ่งหนีผี มันกลายเป็นจุดที่ตลก เพราะไม่ว่าเธอจะไปทางไหน ชายกระโปรงของเธอก็ช่วยกวาดใบไม้ให้พื้นปราสาท ณ ห้องนั้นให้สะอาดเป็นทางไป จนนี่สงสัย ตกลงเขาจะทำหนังคอเมดี้หรือกระไร

แน่นอน เพราะไม่ใช่หนังผีแล้วนี่ ดังนั้นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหนังจึงไม่ใช่ “ผีหลอก” หากแต่เป็น “คนหลอก” แต่ปัญหาของ Crimson Peak สำหรับเราคือ หนังมันยังหลอกคนดูไม่ได้ ทำให้อินยังไม่ได้เลย

เราว่าการเล่าเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ โดยเฉพาะไปปูเรื่องช่วงก่อนนางเอกย้ายบ้านนานไปหน่อย ประกอบกับเรื่องมันก็คาดเดาได้ไม่ยาก ยิ่งเดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง มันจึงไม่มีอะไรน่าติดตามค้นหา อย่างตรงพล็อตทวิสต์ก็ไม่รู้สึกว่ามันพล็อตทวิสต์อะไรมากมาย และก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เฉยมาก

สรุปคือเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องไม่สนุก… ไม่พีคเลย ค่อนไปทางผิดหวังเลยก็ว่าได้ (ไม่นับที่มันน้ำเน่าอีกส่วนหนึ่ง) โดยส่วนตัวคิดว่า หนังมันยังเซอร์เรียลได้อีก ไหนๆ จะทำขนาดนี้แล้วก็ควรจะทำให้สุดไปเลย

สิ่งที่ดีงามในหนัง และดีงามมากๆ คืองานโปรดักชั่นที่ดูแพง มีศิลปะ และเป็นงานละเอียด (ประกอบกับการแสดงของสามนักแสดงนำของเรื่อง โดยเฉพาะ Jessica Chastain ที่ “จิต” ได้ใจอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

เรื่องนี้ผู้ชายเหมือนจะเป็นตัวประกอบร่อนไปร่อนมา โดยมีผู้หญิงเป็นตัวขับเคลื่อนและควบคุม ดังนั้น Tom Hiddleston ในเรื่องนี้ ถึงแม้จะหล่อ แต่ก็ไม่ค่อยเจิดเท่ากับตอนเป็น Loki แล้วอดีตพระเอก Pacific Rim ผู้รับบทหมอหนุ่มที่ตกหลุมรักนางเอกก็ดูโง่ๆ และเป็นส่วนขาดส่วนเกินของหนังอย่างบอกไม่ถูก เหมือนจะเป็นตัวร้ายแต่ก็ไม่ใช่ เหมือนจะเป็นฮีโร่แต่ก็ไม่ใช่

เออ และนอกจากนี้ ช่วงแรกๆ ก่อนที่พระนางจะเจอกัน ช่วงที่นางเอกยังตั้งหน้าตั้งตาเขียนหนังสือ ก็เหมือนจะมีความเฟมินิสต์ให้เราชอบอยู่หรอกนะ เช่น หนังสือที่นางเอกเขียนไม่ค่อยได้รับการยอมรับเพราะเธอเป็นผู้หญิง บลาๆๆ แต่สุดท้าย พอนางเอกมีผัว ประเด็นอะไรพวกนี้ก็อันตรธานหายไปราวกับผียังไงยังงั้น

โดยสรุป Crimson Peak เป็นหนังที่เราค่อนข้างผิดหวัง แต่ไม่ถึงกับแย่มากถึงขั้นรับไม่ได้ พอดูได้ ไม่เสียดายตังค์มาก เพราะได้นักแสดงระดับมาสเตอร์พีซประคองไว้จนจบเรื่อง ประกอบการโปรดักชั่นราคาแพงที่ช่วยคูณความหลอนให้ปราสาทสีเลือดแห่งนี้ดูขลังอย่างมีมนต์เสน่ห์

เจสซิก้า แชสเทน ในบทลูซิลล์ ชาร์ป พี่สาวของโธมัส เจสซิก้า เป็นดาราที่ผู้กำกับหลายคนมักจะดึงไปร่วมงานด้วย เธอเป็นนักแสดงฝีมือที่สามารถเล่นได้ทุกบทบาท ปีนี้เราก็ได้ดูเธอต่อกันเลย 2 เรื่อง เราเพิ่งเห็นเธอใน the martian กันไป เชื่อว่าไม่นานได้เห็นเจสซิก้า ชูรางวัลออสการ์เป็นแน่ รอแค่ได้บทส่งๆ มาถึงมือเท่านั้น ดูแววน่าจะเป็นเมอริล สตรีพ คนต่อไปในวงการ บทสำคัญอีกคนคือ หมอ แมคไมเคิล ที่กิลเลอโม เดลโตโร่ ผู้กำกับใช้บริการ ชาลี ฮันแนมอีกครั้งหลังจากเคยรับบทพระเอกใน pacific rim มาแล้ว เรื่องนี้ ชาร์ลี โกนหนวดเคราแล้วดูเหมือน ฮีธ เลดเจอร์ มาก

หนังยาว 2 ชั่วโมงพอดี เนื้อหาน่าติดตามชวนลุ้นหาปริศนา คลอไปกับฉากสยองจากบรรดาผี ที่โผล่มาให้ตกใจเล่น เป็นหนังในอารมณ์แปลกต่างที่เอาเนื้อหาสไตล์ สืบสวนลึกลับมาผสมกับบรยากาศสยองขวัญ ผิดคาดไปนิดที่ว่าบทเฉลยไม่ได้ลึกซึ้งอย่างที่คาดหวัง ถ้าดูจอเล็กก็จะเสียไปแค่บรรยากาศสยองตอนผีออกเท่านั้นครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *