รีวิว The Dark Tower

รีวิว The Dark Tower

รีวิว The Dark Tower

รีวิว The Dark Tower หอคอยทมิฬ | แฟนตาซีที่ดูได้เพลินๆ • PatSonic

The Dark Tower หอคอยทมิฬ เล่าถึง อัศวินปืนไวคนสุดท้าย โรแลนด์ เดสเชน (ไอดริส เอลบ้า) ผู้ที่ทำหน้าที่คุ้มกันหอคอย แต่เขากับรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการทำสงครามกับ วอลเตอร์ โอ’ ดิม หรือ จอมทมิฬ (แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์) พ่อมดสุดชั่วช้าผู้ที่คิดจะทำลายหอคอยและยึดครองโลก แต่แล้ว เจค แชมเบอร์ (ทอม เทย์เลอร์) หนุ่มน้อยที่มีพลังญานขั้นสูงที่สามารถรับรู้ถึงโลกอีกใบที่กำลังอยู่ในอันตรายและมันจะส่งผลกระทบต่อโลกที่เขาอยู่ เขาจึงต้องออกตามหาอัศวินปืนไวเพื่อช่วยเขาหยุดการทำลายล้างโลกของ จอมทมิฬ รีวิว The Dark Tower รีวิวหนังสนุก

เป็นหนังสตีเฟน คิง ที่แอ็คชั่นแฟนตาซีที่สุด หนังดัดแปลงมาได้อย่างที่ควรเป็น การแสดงคือดีสุดของที่สุดทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เลย ตัวละครมีมิติสมกับที่สร้างจากนิยาย หนังมีช่วงอืดแต่ไม่ถึงกับน่าเบื่อ ความพลาดเดียวคือหนังทำออกมาช้าไปมาก ถ้าเรื่องนี้ทำเมื่อสัก 20-30 ปีก่อนตอนที่นิยายมันเพิ่งเขียนตอนมันพีค ๆ นี่จะเป็นหนังระดับตำนานเลย เว็บดูหนัง

หนังดัดแปลงจากผลงานนิยายชุดชื่อเดียวกันของ สตีเฟน คิง ราชาสยองขวัญที่มีการนำผลงานไปทำหนังมากที่สุดในโลก สำหรับนักเขียนที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นนักเขียนที่มียอดขายสูงสุดในโลกอยู่ที่อันดับ 3 ด้วย จึงเป็นธรรมดาที่หนังเรื่องนี้ที่เรียกว่าเป็นงานซูเปอร์มาสเตอร์พีซของคิง เพราะถูกเขียนต่อเนื่องมากกว่า 40 ปี ด้วยจำนวนเล่มกว่า 8 เล่ม และเชื่อมโยงจักรวาลนิยายของคิงไว้มากมาย ย่อมถูกแฟน ๆ คาดหวังแบบสุดติ่งว่ามันต้องยิ่งใหญ่เทียบเทียมฉบับนิยาย ซึ่งคิงเองเปรียบเปรยว่ามันคือ The Lord of The Rings ผสมกับ The Good, the Bad and the Ugly (1966) ซึ่งเป็นผลงานปรากฏการณ์ทั้งสองเรื่องเลยด้วย เว็บดูหนังฟรี

จอมทมิฬขี่ม้าท่ามกลางทะเลทราย โดยมีอัศวินปืนไวกวดหลังไล่ล่า

รีวิว The Dark Tower

แต่กระนั้นปัญหาในการดัดแปลงมาเป็นหนังนั้นก็ยากยิ่งตามไปด้วย ผู้กำกับมากหน้าหลายตา บางคนได้รับชื่อว่าอัจฉริยะด้วยซ้ำต่างก็โบกมือบายไปนับไม่ถ้วน จนโปรเจ็กต์นี้ตกมาอยู่ในมือ รอน โฮเวิร์ด ซึ่งเขาก็เลี่ยงไปรับเป็นโปรดิวเซอร์ และดันผู้กำกับจากเดนมาร์กที่มีผลงานแต่เพียงในบ้านตัวเองอย่าง นิโคลัจ อาร์เซล มาลองงานยักษ์ในฮอลลีวู้ดดูแทน โดยอาร์เซลนั้นมีผลงานเด่นจากการเขียนบทหนังเสียมากกว่า หนังที่เขาเขียนบทอย่าง The Girl with the Dragon Tattoo (2009) เวอร์ชั่นต้นฉบับภาษาเดนมาร์ก น่าจะเป็นงานที่เรารู้จักมาสุด เขาจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการดัดแปลงนิยายชุดที่ใคร ๆ ก็ยอมแพ้นี้ หนังฟรี

แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงอาร์เซลเท่านั้น เพราะทีมเขียนบทยังได้มือดีมาร่วมอย่าง อากิว่า โกลด์สแมน เจ้าของรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์และลูกโลกทองคำมาแล้ว โดยทั้งหมดทำงานร่วมกับสตีเฟน คิง อย่างใกล้ชิด ทำให้ได้บทหนังที่คิงยอมรับว่ายอดเยี่ยมเหมาะเหม็งทีเดียว

หนังเล่าเรื่องของ อัศวินปืนไวคนสุดท้าย โรแลนด์ เดสเชน (ไอดริส เอลบ้า) ผู้ที่ทอดทิ้งทำหน้าที่คุ้มกันหอคอย เขาเหนื่อยหน่ายกับการต้องทำสงครามกับ วอลเตอร์ โอ’ ดิม หรือ จอมทมิฬ (แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์) ศัตรูชั่วช้าผู้ทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบกายโรแลนด์ โดยทั้งหมดจะมองผ่านสายตาของเด็กน้อยนาม เจค แชมเบอร์ (ทอม เทย์เลอร์) ผู้บังเอิญเข้ามาพบมิดแลนด์หรือโลกที่โรแลนด์กับวอลเตอร์ และเหล่าอสูรกายอาศัยอยู่นั่นเอง เจคเป็นกุญแจสำคัญในการที่วอลเตอร์จะทำลายหอคอยได้ ซึ่งหากโค่นหอคอยทมิฬสำเร็จจะทำให้จักรวาลทั้งหลายขาดสิ่งพิทักษ์ปกป้องจากเหล่าความมืดชั่วร้ายที่อยู่ภายนอก จึงเป็นหน้าที่อันจำยอมของโรแลนด์ที่จะต้องคุ้มครองเจ้าหนูน้อยคนนี้ให้รอดปลอดภัย หนังใหม่

ที่ว่ามามันจึงเป็นงานที่ใช้พลอตพื้นฐานสุด ๆ อย่างธรรมะและอธรรม โดยมีโลกทัศน์ของสตีเฟน คิง และการสร้างตัวละครที่น่าสนใจโคตร ๆ เป็นตัวเสกสรรค์เรื่องราวให้แตกต่างน่าตื่นเต้นนั่นเอง

ข้อดี

-หนังถือว่าดัดแปลงจากนิยายได้เคารพสตีเฟน คิงเอามาก ๆ แม้จะไม่ได้ยึดถือตัวเล่มมาแบบบรรทัดต่อบรรทัดก็ตาม ซึ่งกับตัวเรื่องที่ทำเป็นหนังยากแบบนี้ก็ใช้ได้เลยล่ะครับ
-ดารานำแต่ละคนนี่เล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะไอดริส และเจ้าหนูทอม ช่วยให้เรื่องราวดูน่าติดตามขึ้นเยอะเลย อันนี้ก็ต้องชมบทที่สร้างตัวละครได้มีมิติด้วย
-หนังเข้าใจง่าย เล่าเรื่องไม่น่าเบื่อ ลำดับเหตุการณ์ตรงไปตรงมาดูได้เพลินจนจบ
-ตัวประหลาดทำได้น่าสนใจดี ทั้งพวกที่ต้องสวมหน้ามนุษย์ สัตว์ประหลาดที่มาจากความมืด ฯลฯ
-หนังขยายจักรวาลด้วยอีสเตอร์เอ้กของนิยายเรื่องอื่น ๆ ได้แบบแฟนพันธุ์แท้จะสนุกมากในการคอยมองหาคำใบ้ต่าง ๆ
-ฉากแอ็คชั่นดุดัน เข้มข้น เป็นสไตล์โอลด์สคูลที่แบบนัดเดียวจอด ชวนให้นึกถึงหนังยุคพวก 90 ต้น ๆ เลย
-หนังเท่มาก

 

ข้อเสีย

-หนังทำดีแล้วแต่ยังดีไม่พอในการชนะใจตลาดยุคปัจจุบัน ที่ควรต้องก้าวข้ามตัวนิยายไปให้ได้ไกลกว่านี้ เพราะนิยายมันก็เริ่มเขียนมา 40 ปีกว่าแล้ว พลอตไอเดียอะไรที่เคยล้ำ ๆ เท่ ๆ เอามาใช้ตอนนี้มันทั้งเกร่อทั้งเชยไปเสียแล้ว
-ซีจีพอได้ แต่ก็ยังไม่โดน อาจจะต้องว่ารวมไปถึงโปรดักชั่นดีไซน์ทั้งหมดที่ถ่ายทอดความเป็นดาร์คแฟนตาซีจากนิยายมาได้ไม่ดีพอ จักรวาลที่เล่าว่ามีมากมายก็มาให้เห็นแค่โลกเรากับโลกกลางเท่านั้นเอง ออกจะผิดหวังไปนิด ตรงนี้ล่ะมั้งที่แฟนคิงน่าจะเฟลสุดกับการสร้างภาพในจินตนาการได้ไม่ค่อยดีนัก
-ตัวร้ายอย่างวอลเตอร์ คิดว่าทำให้น่ากลัวให้เหี้ยมได้มากกว่านี้อีก ซึ่งน่าจะทำให้หนังดาร์คขึ้นด้วย (นี่ก็ดาร์คประมาณหนึ่งละนะ) อีกอย่างคือพลังของตัวร้ายออกแนวสะกดจิตบังคับใจซึ่งก็ไม่เอื้อให้โชว์ซีจีอลัง ๆ แล้วยังไม่เอาการสะกดจิตมาขยี้ให้ดราม่าหนัก ๆ อีก เลยกลายเป็นตัวร้ายที่เดินไปเดินมาไม่มีภาพให้จำเท่าไหร่
-แม้ตัวนำจะทำได้ดี แต่ตัวอื่น ๆ ถือว่าใช้นักแสดงได้ไม่คุ้มเลย ที่เสียดายที่สุดคงเป็น แอ็บบี้ ลี ที่น่าจะสวยได้มากกว่านี้ และแจ็กกี้ เอิร์ล ฮาร์เลย์ ที่เคยรับบทเยี่ยม ๆ มาหลายเรื่องยกตัวอย่างเช่น รอส์แชช ใน Watchmen มาเรื่องนี้คือตัวประกอบโคตร ๆ เสียดาย
-หนังมีโดด ๆ หลุด ๆ เหตุผลบ้างนิดหน่อย แค่พอชวนให้สะดุดว่า อ่าวเมื่อกี้มาตรงนี้ยังไงฟระ แต่ก็ไม่ถึงกับพลอตโหว่แหว่งจนน่าเกลียดนะ
-แอ็คชั่นแม้จะทำได้ดี แต่ก็ขาดความว้าว อย่างที่บอกว่ามันโอลด์สคูลมาก แล้วยิ่งเราเพิ่งเห็นการใช้ปืนเทพ ๆ ไว ๆ จากใน John Wick หรือจะการใช้ปืนแบบแฟนตาซีสุด ๆ อย่างใน Wanted หรือ The Matrix มาแล้ว มาเจอแบบนี้เลยกลายเป็นเฉย ๆ ไปเสียนั่น ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้แย่เลยนะ

รีวิว The Dark Tower

เรื่องราวการเดินทางของอัศวินปืนไวผู้สูญเสียครอบครัวในสงคราม และต้องการแก้แค้นคนที่ทำลายครอบครัวของเขา จนมาพบกับเด็กชายผู้มีฌาณพิเศษที่สามารถทำลายล้างโลกทั้งหมดได้ และทั้งคู่ก็ได้ร่วมต่อสู้ไปพร้อมกัน ในตัวพล็อตเรื่องของ The Dark Tower ก็ถือว่าไม่ได้ใหม่เสียทีเดียว ออกจะธรรมดาเสียด้วยซ้ำและค่อนข้างจำเจ อาจจะเป็นเพราะช่วงหลายปีมานี้มีภาพยนตร์แนวนี้ค่อนข้างมาก เลยทำให้ไม่ค่อยมีความแปลกใหม่ ดูหนังฟรี

แม้ว่าตัวหนังจะค่อนข้างธรรมดา แต่ด้วยโปรดักชั่นที่มีความยิ่งใหญ่ สมจริง อีกทั้งซีจี วิชวลเอฟเฟกต์ก็ค่อนข้างจัดเต็ม เสมือนได้หลุดเข้าไปโลกต่างๆ ได้จริง และที่สำคัญต้องชื่นชมการถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงที่ทำให้ผู้ชมมีความรู้สึก มีอารมณ์ร่วม โดยเฉพาะหนุ่มน้อย Tom Taylor ที่ในบางมุมแอบมีความคล้ายซุปตาร์วัยรุ่นอย่าง Justin Bieber แต่ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวสำหรับนักแสดงเด็กที่เพิ่งโดดมารับงานแสดงภาพยนตร์ครั้งแรก จึงทำให้ภาพรวมของหนังไม่ได้แย่อย่างที่คิด

อย่างไรก็ตาม แฟนนิยายของ Stephen King ต้องไปพิสูจน์ความสนุกด้วยตัวเองว่าหนังจะออกมาตามแบบต้นฉบับนวนิยายหรือไม่ และขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนด้วย ซึ่งต้องบอกว่าฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้มีการดีไซน์ที่สวยงาม อัศวินปืนไวมีความเท่ มาดพระเอกมาเต็มตัว แต่ก็อย่างที่บอกตัวเรื่องสามารถเดาได้ง่าย จบง่าย และไม่มีความซับซ้อนมากนัก ดูหนังออนไลน์

The Dark Tower หอคอยทมิฬ ว่าด้วยเรื่องราวของ เจก แชมเบอร์ รับบทโดย Tom Taylor เด็กหนุ่มที่สามารถเดินทางข้ามมิติได้ และ โรแลนด์ เดสเชน รับบทโดย Idris Elba เสือปืนไวระดับพระกาฬจะต้องเดินทางไปยังหอคอยทมิฬ โดยมีตัวร้าย วอลเตอร์ รับบทโดย Matthew McConaughey ที่เป็นผู้ขัดขวางการเดินทางของทั้งคู่

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *