รีวิว Me time
ดูหนังเถื่อน อีกหนึ่งหนังตลกของเควิน ฮาร์ท ใน Netflix ที่พอดูได้ แต่ยังไม่น่าประทับใจเท่ากับเรื่องก่อนที่มีจุดขายแปลกกว่า (อย่างชายจากโตรอนโต) เรื่องนี้เน้นฮากระจายกับมุกเดอร์ตี้โจ๊กสุดๆ เยอะทั้งเรื่อง แต่ฮาจริงๆ ก็แค่ครึ่งแรกที่เควินฉายเดี่ยว พอครึ่งหลังเจอกับมาร์คกลับไม่ค่อยฮาเท่าไหร่ ไม่รู้สึกถึงเคมีการเข้าคู่หูตามพล็อตเรื่องด้วย ทำให้ความฮาลดลงจนแทบกริบ เพราะเรื่องไปเน้นเพิ่มปมดราม่าการค้นพบตัวตนในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งก็เป็นแนวพยายามใส่สาระให้กับเรื่องเพิ่ม แต่มันพื้นๆ และก็จบง่ายๆ จนเหมือนไม่ใส่มาก็ได้ แต่ถ้าไม่คิดอะไรก็เปิดดูได้เพราะช่วงครึ่งแรกฮากระจายแน่นอนครับ รีวิว Me time รีวิวหนังสนุก ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
ME TIME หนังตลก Netflix อีกเรื่องของ เควิน ฮาร์ท ที่ได้ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก มาร่วมแสดง เมื่อพ่อบ้านอย่างเขาได้มี “เวลาส่วนตัว” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีระหว่างที่ภรรยากับลูกๆ ไม่อยู่ เขาจึงได้กลับไปเจออดีตเพื่อนซี้และใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กันแบบสุดเหวี่ยง จนเกือบทำให้ชีวิตต้องพัง
อีกหนึ่งหนังตลกที่มาถี่เหลือเกินของ เควิน ฮาร์ท ใน Netflix เพราะเป็นผลงานจากค่าย Hartbeat Productions ของเขาเอง พล็อตเรื่องนี้พื้นๆ เป็นเรื่องราวของสามีพ่อบ้านเลี้ยงลูกที่ได้ปลดปล่อยเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเปิดช่องให้เล่นตลกได้สารพัดๆ จากความอุบาทว์เป็นซะส่วนใหญ่ด้วย
มุกตลกในเรื่องนี้เน้นเดอตี้โจ๊กเล่นแนวของลับ ของสกปรก มุกทางเพศแบบจัดเต็มหน่อยจึงเป็นเรต 16+ ไม่ใช่มุกตลกใสๆ หนังครอบครัวดูได้ อย่างฉากเควินแก้ผ้าเตรียมชักว่าวกับหนัง X บนเจอทีวีใหญ่กลางบ้านงี้ ซึ่งมุกตลกในเรื่องนี้ 70% มาแนวทะลึ่งติดเรต ไม่ก็เล่นขี้เล่นเยี่ยวอ๊วกแตกกับมุกเบสิคซึ่งยังไงคนดูก็ต้องฮาแน่นอน (เพราะเห็นหน้าก็ฮาแล้ว) หรือบางมุกก็เอาเรื่องขี้บนเตียงของแอมเบอร์ เฮิร์ด มาเล่น ซึ่งก็อดขำไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของเรื่องที่เควินปลดปล่อยตัวเองเล่นมุกเองคนเดียวนี่ขำหนักมากกว่าครึ่งหลังที่มีมาร์ค วาห์ลเบิร์ก มาเป็นคู่ด้วย
ในช่วงครึ่งหลังเรื่องเริ่มมาที่การพัฒนาความสัมพันธ์ตัวละครเพื่อนซี้เก่าของพระเอก ซึ่งเป็นคนที่ชอบทำอะไรห่ามๆ สุดโต่งในชีวิตอยู่เสมอ ตัวเรื่องก็เหมือนจะพาให้ฮาได้หนักข้อขึ้น แต่กลายเป็นไม่ค่อยขำเท่าครึ่งแรก มุกแป๊กก็ค่อนข้างเยอะ มีขำก็บางฉากอย่างตอนไปเจอสิงโตไล่ล่า แต่นอกเหนือจากนั้นมุกตลกต่างๆ ที่เล่นคู่กับมาร์คดรอปลงมาก อาจจะเพราะทั้งคู่ไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไหร่ เพราะบทของมาร์คเป็นแนวคนไม่เอาไหนเหมือนพวกขี้แพ้ ที่ดูยังไงก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
อีกอย่างที่ครึ่งหลังไม่ค่อยขำก็คงเพราะตัวเรื่องพยายามยัดดราม่าการค้นพบตัวเองเข้ามา ไม่แปลกใจนะที่หนังตลกพยายามจะมีสาระในช่วงหลังเพราะมันก็เป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้เนื้อเรื่องดูมีอะไรมากขึ้นกว่าตลกไร้สาระไปเรื่อย แต่ปมการค้นพบตัวเองของทั้งเควินกับมาร์คมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วก็จบเคลียร์อะไรแบบปุ๊บปั๊บง่ายๆ ไปหมด ซึ่งจริงๆ เราอาจจะไม่ต้องการสาระอะไรแบบนี้ก็ได้ ขอแค่ตลกไปจนจบเลยยังจะดีกว่าถ้าทำปมดราม่าได้พื้นๆ แค่นี้
ถือเป็นหนังตลกที่พอดูได้ แต่ยังไม่น่าประทับใจอะไรนัก ยิ่งเมื่อเทียบกับเรื่องก่อนๆ ของเควิน ฮาร์ท มีจุดขายที่พล็อตเรื่องแปลกกว่าและสนุกกว่าชัดเจน อย่าง ชายจากโตรอนโตนี่ฮามากตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ถ้าไม่คิดอะไรก็เปิดดูได้เพราะช่วงครึ่งแรกฮาสุดๆ แบบการันตีข้าวพุ่งแน่นอน
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสัก 10 ปีก่อน เราคงมักจะได้เห็นพวกหนังตลกมุกสัปดนที่โดดเด่นตรงที่มีดาราเบอร์ดี ๆ มาร่วมสร้างสีสันให้กับเรื่อง มันเป็นหนังตลกมาพร้อมกับความตลกแบบด้นสดและความหยาบโลนเบา ๆ และวันนี้อะไรแบบนั้นมันกลับมาอีกครั้งใน “Me Time” หนังที่ทำให้เรานึกถึงอดีตวันวานอีกครั้ง พร้อมกับสูตรสำเร็จความฮาแบบดั้งเดิม ที่เหมือนจับวาง ๆ แบบพล็อตเดิมเหมือนทศวรรษที่แล้ว
Me Time ว่าด้วยเรื่องราวของพ่อบ้านได้มี “เวลาส่วนตัว” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีระหว่างที่ภรรยากับลูก ๆ ไม่อยู่ ซอนนี่ จึงได้กลับไปเจออดีตเพื่อนซี้ อย่าง ฮัค และใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กันแบบสุดเหวี่ยง จนเกือบทำให้ชีวิตของเขาต้องพลิกผันเกินที่จะคาดคิดคาดฝัน ถึงเวลาที่เขาต้องปรับจูนชีวิตและกอบกู้วิกฤตต่าง ๆ กลับมาสู่สภาวะปกติเช่นเดิม
นี่คือผลงานการกำกับและเขียนบทของ “จอห์น แฮมเบิร์ก” ที่เคยอยู่เบื้องหลังงานหนังตลกสัปดน ๆ อย่าง Why Him? หรือ I Love You, Man และเขาก็คือผู้กำกับที่แจ้งเกิดมาจากหนังดัง ๆ อย่าง Along Came Polly หนังรอมคอมฟีลดีที่ผู้เขียนรีวิวนี้ชอบมาก ๆ แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาผ่านมา ฝีมือการทำหนังของเขาน่าจะออกอ่าวไปทิศทางอื่น ๆ เสียแล้ว
เพราะกลายเป็นว่าผลงานล่าสุดของเขาใน Me Time กลายเป็นเพียงหนังตลกสูตรสำเร็จที่รับมาเพื่อทำตามโจทย์เฉย ๆ เหมือนกับหนังที่ไร้ชีวิตชีวา เป็นหนังตลกที่ยิงมุกตลกแผลง ๆ ใส่เข้ามาประปรายตลอดทั้งเรื่อง แต่กลับไม่ค่อยจี้ตรงจุด และสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ฮาแบบสุด ๆ ไม่ได้แบบตรงจุดได้เสียทีเดียว กลายเป็นเพียงหนังตลกที่เหมือนจะรสจัดจ้าน แต่เป็นเพียงพริกปลอม ๆ ที่ใส่เข้ามาเท่านั้น
Me Time จึงกลายเป็นว่าเป็นหนังที่โชคดีที่แค่พวกเขาได้ทีมนักแสดงตัวท็อปมาเสริมบารมี ช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้แค่เพียงเท่านั้น เพราะแน่นอนว่า “เควิน ฮาร์ต” โคจรมาเจอกับ “มาร์ค วอห์ลเบิร์ก” ของแพ็คคู่นี้ก็เป็นจุดขายได้ สำหรับหนังตลกฤดูร้อนแล้ว เพียงแต่ว่าเนื้อหาและเนื้อในของหนังนั้น ช่างไม่ได้รับการขัดเกลาและดูแลให้สมฐานะกับดาราเบอร์ขนาดนี้มาร่วมแจมเลย
กลายเป็นว่า เควิน ฮาร์ต โดดมาเล่นหนังตลกที่แทบจะไม่มีความแปลกใหม่อะไรให้กับอาชีพของเขาเลย มันก็คือบทตลกเจ็บตัวและแสนจะเด๋อด๋อ พร้อมกับทั้งออกจะน่ารำคาญไปหน่อยในบางช่วง แม้ว่าพรสรรค์ทางการแสดงในหนังแนวนี้ยังคงเข้าทางเขาอยู่เสมอ แต่อะไร ๆ ก็ช่างดูจำเจไปหมดแล้ว
เช่นเดียวกับ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ที่ให้ตายเหอะ…บทแบบนี้ใคร ๆ ก็มาเล่นก็ได้ เขากลายมาเป็นซุปตาร์ที่พยายามสร้างความแปลกใหม่ท้าทายให้กับอาชีพของตัวเอง ฉีกแนววเดิม ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องวนเวียนอยู่แต่กลับหนังบู๊ ทำให้ช่วงยุคนี้เขาหันมาเลือกเล่นหนังดราม่าและหนังตลกบ้า ๆ บอ ๆ มากขึ้น และหนังเรื่องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ความสนุกของเขา เพราะมันเป็นหนังที่บทค่อนกลวงมากทีเดียว
ถึงแม้ว่าประเด็นของหนัง Me Time จะเกริ่นเอาไว้ค่อนข้างน่าสนใจ กับโจทย์พ่อบ้านเต็มตัวที่จัดแจ้งทุก ๆ อย่างในบ้าน กลายเป็นผู้นำในครัวเรือนอย่างน่าอัศจรรย์ จนทำให้เขาแทบจะไม่มีเวลาให้กับตัวเองเลย แต่เมื่อได้จังหวะและโอกาสที่เป็นของตัวเอง เขาจึงเลือกที่จะทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ โจทย์นี้ถ้าตีความเป็นหนังดราม่านิด ๆ ตลกหน่อย ๆ ก็น่าจะได้ฟีลที่ดีอีกฟีล แต่เมื่อเลือกเดินทางนี้ก็ต้องเป็นแบบนี้นั่นแหละ
เอาว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Me Time อาจจะไม่ได้บอกว่าเป็นหนังที่ผิดหวัง เพราะก็ไม่คาดหวังใด ๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันเป็นหนังที่มีองค์ประกอบและศักยภาพที่ดีงามในตัวมันมาก ๆ เพียงแต่ยังไม่สามารถนำตรงนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อคุณภาพของหนังสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงหนังตลกมุกเดิม ๆ ทั้งพฤติการณ์แผลง ๆ ความฮาแบบขำแห้ง ๆ ช่างเป็นแวดล้อมที่ค่อนข้างน่าเสียดายไปสักหน่อย เพราะพวกเขาได้ทีมงานและนักแสดงระดับนี้มาเชียวนะ
คุณต้องมอบมันให้กับเควินฮาร์ตอย่างน้อยที่สุดสำหรับความสมบูรณ์ของเขา รักษาคอเมดีในสตูดิโอคิ้วระดับกลางและงบประมาณระดับกลางให้เป็นไปตามเงื่อนไขของเขาเอง หลังจากการทรมาน (แต่เป็นที่ยอมรับ ค่อนข้างน่าติดตาม) “The Man From Toronto” ฮาร์ต – ควบคู่ไปกับ Mark Wahlberg – พาดหัวข่าวของ Netflix bromance อีกเรื่องหนึ่งด้วย “Me Time” คิดว่าเป็น “ธุรกิจเสี่ยง” ของผู้ชายที่โตแล้ว ซึ่งคุณแม่ผู้น่านับถือทำคะแนนได้ที่บ้านหนึ่งสัปดาห์โดยลำพัง หลังจากที่เป็นพ่อที่อยู่บ้านมานานเพื่อสนับสนุนอาชีพการงานของภรรยาที่ประสบความสำเร็จของเขา
เล่นมุกตลกเรื่องเหล้า อึ และช่วยตัวเองให้ได้มาก ๆ โดยยอมรับความเสี่ยงเอง พวกมันมาแบบสะสมใน “Me Time”—อาจมีบางดินแดนและประเทศอื่นๆ ที่ไม่มี ถึงกระนั้น ก็มีบางสิ่งที่เป็นที่รักในหัวใจของเรื่องตลกนี้จากนักเขียน/ผู้กำกับ John Hamburg ผู้เขียนบทที่อยู่เบื้องหลังเรื่องดังอย่าง “Zoolander”, “Meet the Parents”, “Along Came Polly” และ “I Love You, Man. ” ค้นหาเรื่องราวที่บางครั้งดูยุ่งยาก บางครั้งก็มีการวางแผนมากเกินไป และคุณจะพบกับเรื่องราวที่คุ้มค่าในเรื่องนี้ ในหมู่พวกเขามีภาพเหมือนที่ดีของการแต่งงานต่างเพศที่ไม่ธรรมดาซึ่งผู้หญิงคนนี้เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว การเฉลิมฉลองมิตรภาพ และช่วงเวลาที่ตลกและคาดไม่ถึงอย่างแท้จริงซึ่งเกือบจะชดเชยเทคนิคพิเศษที่เงอะงะอย่างเจ็บปวด