รีวิว Annihilation

รีวิว Annihilation

รีวิว Annihilation

รีวิว Annihilation

ดูหนังเถื่อน Annihilation หนังเอ็กคลูซีฟบน เน็ตฟลิกซ์ เรื่องล่าสุด เป็นหนังที่เราขอพูดได้เต็มปากว่า สมกับเป็นหนังเอ็กคลูซีฟที่ดึงจุดเด่นของความเป็นเน็ตฟลิกซ์ได้สำเร็จอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีบ่อย ๆ นะ จุดเด่นที่เราพูดถึงคืออะไร คือการที่สามารถดึงผู้กำกับที่มีฝีมือและมีโปรเจ็กต์เจ๋ง ๆ แต่ยังไม่เบอร์ใหญ่มาก มาถ่ายทอดเรื่องราวในแบบฉบับตนเองได้ โดยไม่ต้องโดนการทำให้สมบูรณ์จากผู้บริหารสตูดิโออีกต่อหนึ่งอย่างเช่นผู้กำกับชื่อชั้นกลาง ๆ ของหนังโรงมักต้องเผชิญ รีวิว Annihilation รีวิวหนังสนุก ดูหนังออนไลน์

แต่การไม่โดนคุมจากสตูดิโอที่เชี่ยวชาญในเรื่องของ “ผู้ชม” เลย บ่อยครั้งก็ทำให้หนังออกมาป้อแป้และดู “หลุด” ไปได้เหมือนกัน เช่นที่เราเจอในหนังอย่าง Death Note ของ อดัม วินการ์ด หรือ Bright ของ เดวิด เอเยอร์ เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นเหตผลที่เราบอกว่าจุดลงตัวที่หนังจะออกมาดูดีนั้นไม่ได้มีมากหรือบ่อยนัก ดูหนังฟรี

และ Annihilation ก็เป็นหนังที่ดึงศักยภาพของผู้กำกับออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เพราะ อเล็กซ์ การ์แลนด์ คือผู้กำกับหนังไซไฟอินดี้สุดม้ามืดแห่งปี 2014 อย่าง Ex Machina และยังเป็นผู้เขียนบทหนังไซไฟตัวกลั่นคู่บุญของ แดนนี่ บอยล์ ใน 28 Days Later (2002) และ Sunshine (2007) นอกจากนั้นยังเขียนบทให้ Dredd (2012) ด้วย คือว่าสไตล์หนังแบบไซไฟผสมปรัชญาที่ค่อย ๆ หลอนด้วยบรรยากาศแล้ว

ต้องยกให้พี่การ์แลนด์แกเลยล่ะ ที่สำคัญนี่ยังเป็นการร่วมงานกับดาราระดับแม่เหล็กที่คงเห็นในหนังเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้บ่อย ๆ อย่าง นาตาลี พอร์ตแมน, ออสการ์ ไอแซก, เทสซ่า ธอมป์สัน (วัลคีรี จาก Thor: Ragnarok) และ เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ (จาก The Hateful Eight (2015) ด้วย

โดยหนังเป็นโปรเจ็กต์ที่นำนิยายไซไฟยอดเยี่ยมเจ้าของรางวัล Nebula Award และ Shirley Jackson Award เมื่อปี 2014 ของนักเขียนดาวรุ่งอย่าง เจฟ แวนเดอร์เมียร์ มาทำ ซึ่ง Annihilation เป็นเล่มแรกในชุดไตรภาคนิยายที่เรียกว่า Southern Reach Trilogy ของแวนเดอร์เมียร์

รีวิว Annihilation

หนังว่าด้วยเรื่องราวของ เลน่า (พอร์ตแมน) อาจารย์ด้านชีววิทยาที่ได้พบกับ จ่าเคน (ไอแซก) สามีซึ่งเป็นทหารอีกครั้ง หลังจากเขาไปทำภารกิจลับและหายตัวไปร่วม 1 ปี แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้เขาดูแปลกไป แต่ก่อนจะสืบถามได้ความเขาก็กลับทรุดป่วยขั้นโคม่าและมีทหารเข้ามาชิงตัวเขาไป เธอถูกควบคุมตัวไปพบกับ ดร.เวนเทรส (ลีห์)

ซึ่งเป็นหัวหน้าสั่งการของเคน และนั่นเธอได้พบกับปริศนาลึกลับที่เรียกว่า “ม่านรุ้ง” ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่ปกคลุมรอบอุทยานแห่งชาติและกำลังขยายตัวมากขึ้น เพื่อช่วยสามีเธอ เลน่าตัดสินใจเข้าร่วมกับ ดร.เวนเทรสและนักวิทยาศาสตร์สาวอีก 4 คน เพื่อเข้าไปสำรวจในม่านรุ้งเพื่อหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในกันแน่ และทำไมนอกจากสามีเธอถึงไม่เคยมีใครกลับออกมาอีกเลย

หนังใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เกี่ยวกับทฤษฎีว่าด้วยเรื่องของเซลล์และการก่อเกิดชีวิตแรกในจักรวาล ตลอดจนการกลายพันธุ์ของเซลล์ การเกิดเซลล์มะเร็ง และการทำลายตัวเองของสิ่งมีชีวิต ซึ่งทั้งหมดถูกหยอดโปรยอยู่ตลอดเรื่อง แถมถูกใช้อย่างละเอียดทั้งในแง่ดราม่าความสัมพันธ์ระหว่าง เลน่า และจ่าเคน ตลอดจนบุคลิกและชะตาของตัวละครอย่าง ดร.เวนเทรส และคนอื่น ๆ ด้วย ตรงนี้ทำให้หนังมีแง่มุมที่พูดถึงได้มากเหมาะกับคนที่ชอบดูหนังแล้วคิดตามคิดต่อยอด

ในส่วนของความบันเทิงสำหรับคอหนังทั่วไป หนังจะให้อารมณ์ค่อย ๆ เย็น ๆ ใครเคยดู Ex Machina น่าจะพอเข้าใจ แต่ถ้าไม่เคยหนังจะใกล้ ๆ อารมณ์แบบ Arrival (2017) แต่ไม่ยืดเท่า ทั้งยังมีความประหลาดชวนให้ติดตามทั้งด้านปริศนาที่ยิ่งเดินลึกยิ่งเจอความสับสน และภาพป่าที่ถูกย้อมด้วยม่านรุ้งจนกลายพันธุ์ มีพืชแปลก ๆ สิ่งมีชีวิตแปลก ๆ และซากศพที่ทั้งสยดสยองแต่ดูสวยงามในเวลาเดียวกันอย่างประหลาด หรือแม้แต่ช็อตชวนช็อกที่ใครไม่ชอบภาพแหวะ ๆ อาจส่ายหน้าได้ก็มีกระตุ้นผู้ชมอยู่เป็นระยะ นั่นจึงทำให้หนังไม่น่าเบื่อ ทั้งน่ามองและไม่น่ามองในเวลาเดียวกัน สวยสยอง เป็นนิยามที่ถูกต้องเลยสำหรับหนังเรื่องนี้ และความสวยสยองก็ยังพิงไปถึงด้านเสียงประกอบสุดแนวที่ได้อารมณ์สุด ๆ และโปรดักชั่นด้านอื่น ๆ ที่ต้องยกนิ้วให้เลยด้วย

รีวิว Annihilation

ส่วนตัวแนะนำให้ชมเลยครับสำหรับคอไซไฟ หรือคอสยองขวัญ หนังไม่เข้าใจยากมากขนาดไม่เข้าใจตอนจบ แต่ก็เพียงพอให้คิดต่อถกเถียงกับเพื่อนได้สนุกอยู่ไม่เบา และถ้าไปได้ดีเราอาจได้ชมหนังจากนิยายที่เหลือด้วยก็เป็นได้นะ

เรื่องราวของ Lena (รับบทโดย Natalie Portman) ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ซึ่งใช้ชีวิตส่วนตัวหลังการสอนอยู่กับอารมณ์ที่ดำดิ่งลงในความเศร้าเนื่องจากการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยขณะออกปฏิบัติการลับของ Kane (รับบทโดย Oscar Isaac) นายทหารประจำกองกำลังสหรัฐฯ ผู้เป็นสามีของเธอ

เป็นระยะเวลากว่า 1 ปีที่ เคน ได้หายตัวไป และทุกคนก็เชื่อว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว ปรากฎว่าในวันหนึ่งอยู่ๆ เคน ก็ได้กลับมาหา ลีน่า ที่บ้านพร้อมกับอาการผิดปรกติทางร่างกาย และในขณะที่กำลังนำตัว เคน ส่งโรงพยาบาลนั้น หน่วยปฏิบัติการทางทหารของรัฐบาลก็ได้เข้ามาควบคุมตัว เคน และ ลีน่า ไปยังฐานปฏิบัติการแห่งหนึ่งซึ่งมี Dr. Ventress (รับบทโดย Jennifer Jason Leigh) เป็นผู้ควบคุมอยู่

ที่นั่นเอง ลีน่า จึงได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขตกักกันที่ถูกเรียกว่า The Shimmer ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณประภาคารในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งชาติเซนต์มาร์คในฟลอริดาที่ถูกอุกาบาตพุ่งเข้าชนแล้วส่งผลในเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาดไปทั่วบริเวณนั้น และยังมีการขยายขอบเขตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซึ่งทางรัฐบาลได้ส่งหน่วยทหารเข้าไปสำรวจยังพื้นที่ดังกล่าวจำนวนหลายชุด แต่ยังไม่เคยมีใครสามารถกลับออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวได้เลย ยกเว้น เคน เพียงคนเดียวที่สามารถรอดชีวิตกลับออกมาได้

เพื่อเป็นการค้นหาปริศนาต่างๆ ดร.เวนเทรส จึงได้มีการตั้งทีมสำรวจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้จะเป็นการคัดเลือกผู้ร่วมทีมที่เป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ เข้าไปสำรวจแทนภารกิจที่ใช้ทหารเข้าไป เมื่อ ลีน่า ได้รับรู้ถึงภารกิจในครั้งนี้ จึงขออาสาเข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้ด้วย เพื่อที่จะหาวิธีในการรักษา เคน ให้ได้

เป็นหนังที่เล่าเรื่องของมนุษย์ต่างดาวได้แหวกแนวไปอีกทางหนึ่ง หลังเคยมีมนุษย์ต่างดาวที่ลงมาบนโลกด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำรุกรานและบุกยึดจนมนุษย์โลกต้องรวมพลังกันสู้อย่าง ‘Independent Day’ ไปจนถึงมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนเพียงเพื่อจะมาปฏิสันถารกับสิ่งมีชีวิตผู้ทรงภูมิปัญญาของโลกอย่าง ‘Arrival’ แต่คราวนี้ พวกเขามาในสภาพที่เราคาดคิดไม่ถึง

หนังไม่ได้เร่งเร้าอะไรเลย หากแต่องค์ประกอบและการเล่าของหนังที่สลับเวลากันไปมาทำให้อยากรู้ว่าอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นในวินาทีถัดมา หนังเดินเรื่องอย่างเอื่อยเฉื่อยสบายอารมณ์ หลายหนก็ดูแปลกดีที่หนังดูมีความไซไฟลึกลับ แต่ใช้ดนตรีประกอบสไตล์อะคูสติกคันทรี จนบางทีก็แอบคิดไปว่า

ถ้าดูในโรงที่สภาพทุกอย่างจำกัดให้เราอยู่แต่กับภาพหนังตรงหน้า มันอาจจะมีความง่วงบังเกิดขึ้นมาก็เป็นได้แต่พอดี เรารับชมด้วยทีวีที่อยู่ในห้อง ทุกอย่างไม่ได้บีบเราขนาดนั้น ความง่วงงุนไม่มี หนังมีช่วงตื่นเต้นแทรกอยู่บ้าง ระหว่างคือเรื่องราวที่เดาได้ยาก เซอร์ไพรซ์คนดูมีมาอยู่เรื่อยๆ แต่ก็มีบางสิ่งที่ชวนให้เดาทางได้อยู่บ้างแม้จะมีสิ่งที่ยังเดาไม่ได้อยู่มากมาย

ในชั่วขณะที่หนังดำเนินไป สิ่งที่รู้สึกและมองเห็นได้ก็คือ หนังใส่แง่มุมบางสิ่งเข้ามาอย่างแยบยล หยิบเรื่องทางวิทยาศาสตร์มาผสมผสานกับความคิดเชิงปรัชญา สิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาอย่างมนุษย์ก็เกิดขึ้นมาจากเซลล์ๆ เดียว เช่นเดียวกับสิ่งที่ชีวิตชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลก อะไรที่แปลกปลอม เราจะเรียกมันเป็น “มะเร็ง” สิ่งร้ายที่เราต้องการกำจัดทิ้ง

เราต่างรู้ว่าวิวัฒนาการทำให้เกิดเรา แต่กว่าจะเกิดเรามันต้องใช้เป็นเวลาพันล้านปี และสิ่งที่เป็นพื้นฐานคือ การกลายพันธุ์ มีการพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่ชอบทำลายตัวเองอยู่เสมอ อย่างในมนุษย์ มันอาจมาพร้อมกับการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ รวมไปการทำให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก ตกอยู่ในความเครียดหรืออะไรก็ตามแต่ หนังพยายามเปิดพื้นที่ในคนดูได้คิดตามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้น จากคำพูดบางอย่างของตัวละครที่ยังถูกเล่าในส่วนอื่นของเรื่องราว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *