หนังรัก-ระทึก ของไทยเรื่อง แสงกระสือ
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมา รีวิวหนังไทย เรื่อง แสงกระสือ (อังกฤษ: Inhuman kiss) เป็นภาพยนตร์ไทย แนว รักโรแมนติก แฟนตาซี และระทึกขวัญ กำกับโดย สิทธิศิริ มงคลศิริ เป็นเรื่องราวของเด็กสาวคนนึงที่ได้รู้ว่าตัวเองกลายร่างเป็น กระสือในตอนกลางคืน แล้วต่อจากนี้เธอจะทำยังไง ติดตาม ดูหนังออนไลน์ ได้เลยค่ะ

เรื่องย่อหนัง แสงกระสือ
แสงกระสือ เรื่องย่อ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กสาวแรกรุ่นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชนบทที่มีชีวิตสุขสงบและได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชายทั้งสองที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังมีเป้าหมายจะได้เป็นพยาบาลด้วย แต่แล้วโชคชะตาของเธอกลับต้องพลิกผันเมื่อค้นพบว่า แท้จริงแล้วตัวเธอไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนอื่น

แต่สืบเชื้อสายมาจาก เผ่าพันธุ์กระสือที่ถ่ายทอดกันผ่านทางน้ำลาย มีเพียงเพื่อนชายทั้งสองที่รู้เรื่องนี้และพร้อมจะปกป้องคนที่พวกเขามอบหัวใจให้แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ในขณะที่ภัยจากอสุรกายอีกกลุ่มก็เริ่มคืบคลานเข้ามาในหมู่บ้านอย่างช้า ๆ
ความน่าสนใจของหนัง แสงกระสือ
บอกเล่าเรื่องราวของความรักและมิตรภาพระหว่างนางเอก Crassus “Say” กับเพื่อนชายสองคน ในหมู่พวกเขานางเอกต้องพยายามซ่อนตัวตนของเธอในชื่อ Crassus ทุกคืน ตัวเอกคนแรก “น้อย” ช่วยเหลือเธอจากชาวบ้านและทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้นางเอกกลายเป็น Crassus ในขณะที่ “เจด” เป็นอีกคนในภายหลังที่ได้เรียนรู้ตัวเอกของ สายๆ แม้จะรู้จักกันน้อยว่าทรายชอบส่องแต่ก็ยังช่วยให้ไม่ยอมแพ้จนกลายเป็นกระหังเมื่อเจออันตราย
นี่คือภาพยนตร์เกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างชีวิตและความตายระหว่างเพื่อน จนกลายเป็นความรักในการรู้จักตัวเองและศัตรู แม้ในตอนท้าย ฉันรู้ว่ารักสามเส้าและสถานะของพวกเขานั้นไม่สามารถคืนดีกันได้ ร้องไห้ให้กับการปกป้องคนที่รักที่ไม่เจอคนที่รักเราจริงถึงขนาดไม่ยอมเสี่ยงแบบนี้ รักในสิ่งที่เราเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เราเป็นทางกายภาพ

ด้านตัวโทนกับภาพในหนัง แสงกระสือ เต็มเรื่อง พากย์ไทย ถือว่าทำออกมาได้งดงาม เป็นนามธรรมเข้ากับเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นดงหิ่งห้อยหรือฉากที่แม่น้ำช่วงหนังจบซึ่งสามารถสื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้เป็นอย่างดี แถมยังมีเรื่องราวจากอสุรกายอีกเผ่าพันธุ์เข้ามาเป็นอุปสรรคใหญ่นอกจากคนในหมู่บ้านที่ต้องการล่ากระสือด้วย แม้ตัวกระสือจะค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่น ดูออกไปทางตะวันตกแต่ก็มีความเหมือนที่ชวนให้น่าขนลุกเช่นเดียวกัน ต้องขอชื่นชมเลย
ทีมงาน และนักแสดง
ตัวละครหลัก
- ภัณฑิรา พิพิธยากร รับบท สาย หญิงสาวผู้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนางพยาบาล เป็นคนจิตใจดีงาม แต่เธอจะกลายร่างเป็นกระสือและออกหากินในเวลากลางคืนโดยไม่รู้ตัว แอบชอบน้อยมาตั้งแต่เด็ก
- โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ รับบท น้อย ชายหนุ่มที่มีความสามารถด้านการแพทย์และไม่เชื่อในไสยศาสตร์ แต่หลังจากพบว่าเพื่อนสนิทของตนเป็นกระสือ จึงทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเธอให้หาย ชอบกับสายมาตั้งแต่เด็ก
- สพล อัศวมั่นคง รับบท เจิด ชายหนุ่มที่มีความสามารถ รูปหล่อ รวย และมีรักแท้ ด้วยความรักที่มีให้กับสายทำให้เขาเข้าร่วมกับกลุ่มนักล่ากระสือ ชอบสายมาตั้งแต่เด็ก
- สุรศักดิ์ วงษ์ไทย รับบท ทัด หัวหน้าของกลุ่มนักล่ากระสือ เขามีเป้าหมายในการมาที่หมู่บ้านของสายเพื่อกำจัดกระสือให้สิ้นซาก
ตัวละครหลักในเรื่องมีความสำคัญมาก แม้แต่ตัวละครรองก็สามารถส่งผลต่อโครงเรื่องหลักได้ พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าทีมมีบทบาทอย่างไร นางเอกของเรื่อง (มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร) แสดงได้ยอดเยี่ยมทั้งบทคนและบท Ghost Encounter ตัวไหนแสดงออกมาได้ดีกว่ากัน สำหรับตัวประกอบอื่นๆ

แสงกระสือ นักแสดง ของแสงกระสือทำได้ดีในการแสดงและตัวละครหลักเกือบจะเป็นนักแสดงใหม่ โดยเฉพาะฝีมือของ สพล อัศวมั่นคง เราว่าคนนี้น่าจะพัฒนาเป็นนักแสดงกังฟูได้ในอนาคต ส่วนนางเอกแม้จะยังพอมีอยู่บ้าง แต่สายตาที่มองมานั้นถือว่าผ่านและสวมกอดนิธิคนโปรดของแม่ ต้องยอมรับว่าบทน้อยมีความสำคัญกับเรื่องมาก ผลที่ตามมาคือความกดดันของภาพยนตร์ที่มีต่อเขามากเกินไป และเขารอดชีวิตมาได้ในหลายๆ ฉาก
โปรดักชันและงานภาพต่างๆ ของหนังแสงกระสือ
ในส่วนของงานโปรดักชั่นนั้นเห็นได้ว่าทีมงานมีความตั้งใจสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้สูงมาก เห็นได้จาก องค์ประกอบที่วิจิตรงดงามของแต่ละฉาก การถ่ายทำที่พิถีพิถันด้วย CG ที่ง่ายดายและสคริปต์ที่แข็งแกร่ง
การสร้างงานถ่ายภาพหรือสถานที่ถ่ายทำบอกเลยว่าดูดีจริงๆ ในเรื่องจะเล่าถึงชนบทห่างไกลจากพระนคร สถานที่แห่งนี้มีบรรยากาศที่มืดมนและไม่น่าไว้วางใจ และแม้แต่ในฉากกลางวันก็ยังมีความรู้สึกหวาดกลัว แถมเพลงประกอบในหนังเรื่องนี้ก็พยายามสร้าง การเร่งความเร็วมากเกินไปทำให้คนเข้าถึงอารมณ์ของหนัง หนังไทยมีเพลงประกอบเพื่อดึงอารมณ์คนดูซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและหายากมาก
กราฟิก CGI ทำงานได้ดีจริงๆ อาจเป็นเพราะโทนของภาพยนตร์เป็นเหมือนกลางคืนมากกว่า จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ CGI ดูราบรื่นและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่โดยรวมก็ยังดีไม่ว่าจะเป็นฉากหรือผีของ Crassus และ “ปีศาจ” ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและสมจริง ดูไม่ตลก เก็บรายละเอียด เช่น บาดแผล น้ำตา ความทรุดโทรม ซึ่งรักษาไว้อย่างดี ฉันพบว่ามันดึงดูดมาก

แม้ว่าผลงานโดยรวมของแสงกระสือจะอยู่ในระดับ A ในโรงภาพยนตร์ไทย แต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง นั่นไม่ใช่การทำให้เรารู้สึกถึงตัวละครในเรื่อง ทั้ง 2 ประเด็น ทั้งรักสามเส้า การเมืองในหมู่บ้าน การมาของคนแปลกหน้า การคลี่คลายบางอย่าง ทั้งหมดนี้ไม่ได้หนักใจกับประเด็นใดประเด็นหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้จุดแข็งของปัญหาบางอย่างที่ดูเหมือนแปลกประหลาดอ่อนลง
งานด้านภาพนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศแห่งความลึกลับและลุ้นระทึก เรื่องนี้กลายเป็นดาบสองคมสำหรับบรรยากาศของหนังเพราะความสวยงามของแสงและความสว่างของโทนภาพ
แต่ที่เราชอบเกี่ยวกับสังกระสือคือการที่หนังเล่าตอนจบให้คนดูได้แม้เราจะแปลกในสายตาใครก็ตาม แต่ถ้ามองคนๆ นั้นด้วยใจ เราก็ไม่มีความขุ่นเคืองใจหรือเกรงกลัวต่อเขาหรือเธอเลยแม้แต่น้อย
ตามธรรมดาของขอมเมื่อเศียรออกจากกายจะเปล่งแสง ในความมืดมิดของหัวใจมนุษย์ แสงแห่งความรักยังคงส่องสว่างให้เราได้เห็นอยู่เสมอ แม้ในตอนท้ายเราจะพบความจริงที่น่าเศร้าว่ามนุษยชาติเลือกที่จะฝังแสงสว่างนั้นและจมลงในความมืด เพียงเพราะแสงเกิดจากความผิดปกติที่เราไม่เคยเปิดดู
บทภาพยนตร์ ที่ทำออกมาได้ถือว่าดีทีเดียว
บทภาพยนตร์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าติดตาม ดูดีกว่าหนังไทยเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา ด้วยปริศนาการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ มีกลยุทธ์ให้คิดตามอยู่เสมอ พล็อตสามารถเล่นได้สุดขั้วหรือความรักของตัวเอกจะดีกว่า น่าสนใจพอสมควร มันอยู่ในฉากสยองขวัญ-โรแมนติกจนกระทั่งมันกลายเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง นอกจากนี้ยังมีความรู้สึก “การกระทำ” เล็กน้อย ผมเชื่อว่าถ้าเอาฉากแอคชั่นมาต่อยอดได้ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจทีเดียว

จากแนวคิดเริ่มต้นที่ว่าหนังสือเล่มนี้ควรจะล้าสมัยหรือล้าสมัยในปี 2019 กลับกลายเป็นความคลาสสิค เป็นหนังไทยที่ดูทันสมัย ดูเป็นสากล มีการตีความบทใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้นโดยผสมผสานกับความเชื่อเรื่องกระซูดั้งเดิมได้อย่างลงตัว ในแง่ของ CG และการผลิต เขาทำได้ดีมาก ยกระดับมาตรฐานหนังไทยไปอีกขั้นเป็นหนังผีไทยที่ส่งออกไปทั่วโลกได้อย่างไม่อายใคร
อีกทั้งหนังไม่ได้เน้นความเชื่อโบราณของชาวบ้านหรือการล่าแม่มดเหมือนนาคีเป็นหลัก แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ต้องการเป็นคนนอกของ Crassus รักสามเส้าของสามหนุ่มเน้นย้ำว่าอสูรร้ายก็มีหัวใจ…เอาตรงๆก็โรแมนติกแบบ The Shape of Water นั่นแหละ
หนัง แสงกระสือ แบ่งออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน
ฉากแรกที่ทรายยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกระสือ (มีเลือดบนที่นอน นึกว่าเป็นประจำเดือน อมยิ้ม เหมือนดีใจที่เป็นสาว) หนังเรื่องนี้แนะนำให้เรารู้จักกับเด็กหนุ่มและ สาว ๆ พวกเขาเป็นชาวบ้านตาดำๆ ใจดี ที่มีความฝันเหมือนเด็กทั่วไป เช่น ทราย (มินนี่-ภัณฑิรา) อยากเป็นพยาบาล น้อย (โอบ-โอบนิธิ) อยากเป็นหมอ เจด (เกรท-เอสพล) อยากเป็น ทหาร/ตำรวจ (ตรงนี้แอบสะท้อนเรื่องเพศของสังคมไทยสมัยก่อน กล่าวคือ ทรายมีความปรารถนาที่จะรักษาผู้คน มากกว่าฝันเป็นพยาบาลไม่ใช่ฝันเป็นหมอ) ชีวิตก็ดูจะธรรมดา . จนกระทั่งเกิดสงครามระหว่างพระนครกับหมู่บ้าน มีนักรบออกมาหากิน ฆ่าเป็ด ไก่ โค กระบือ ของชาวบ้านทุกคืน
ในองก์ที่สอง หนังจะโรแมนติกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อน้อยได้รู้ความจริงโดยบังเอิญว่าทรายคือกระสือซึ่งไม่เคยเชื่อเรื่องผีมาตั้งแต่แรก (โดยมีวิทยา เรียนหมง เอกวิชา) ต้องเป็นผู้เดียวที่รู้และช่วยปิดความลับของทราย นอกจากช่วยคิดวิธีรักษาแล้ว เรายังเห็นว่า แท้จริงแล้วกระสือไม่ได้ชั่วร้าย

เขาสามารถเลี้ยงชีพแบบปุถุชนได้เท่านั้น และอยู่ร่วมกับมนุษย์ในสังคมได้ ขณะเดียวกัน เจดซึ่งเข้าร่วมในกระบวนการล่าแรดก็ค่อยๆ แปลกแยกจากผู้คน วงเพื่อนของเจด เรารู้สึกทึ่งและเห็นใจโซนมิตรภาพของปาล์มกับกิงในหนังเรื่อง Friend Zone มากกว่า
ฉากสุดท้ายคือพีค นอกจากการนำเสนอตำนานกระเสือ-กระหังให้เราได้รู้จักมากขึ้นแล้ว หนังยังกล้า ฉีก ทะเยอทะยาน ฉายแวว มาครบทุกรสทั้งบู๊มันส์ลึก ในรูปแบบภาพก็สนุกมากๆ ถ้าเคยดูนาคี 2 คงนึกความรู้สึกออก แต่สังกระซู่ดีกว่า พีคกว่า แรงกว่า จบตรงนี้ เราแอบปรบมือในโรงไปหลายฉาก แต่คงพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเสี่ยงสปอยล์